Key Performance Indicator หรือ KPI ที่แม้จะผิดหลักการแปลงภาษาไปหน่อย แต่ขออ่านว่า กะปิ นะคะ
วันก่อนมีคนใกล้ตัว ที่เป็นชาว IT เหมือนกันบ่นให้ฟังว่าต้องทำ KPI อีกแล้ว ไม่รู้จะเขียนยังไง เขียนเป็น pseudo code ไม่รู้ฝ่ายบุคคลจะเก็ทไม๊ (มีแนวโน้มว่าไม่นะ ^_^''' )
ได้ฟังแบบนั้นเลยให้ไปถามลูกพี่ อีกทีว่าพี่มี KPI เป็นของตัวเองหรือยัง ถ้ามีแล้วช่วยแจกมาให้ด้วย ถ้าลูกพี่ไม่มี ก็ฝากลูกพี่ไปถามลูกพี่ของลูกพี่ก่อน แล้วค่อยมาคุยกันอีกที
นั่นก็เพราะ KPI ต้องทำมาจากความเห็นดีเห็นงามตั้งแต่ระดับผู้บริหาร แล้วหน่วยงานย่อย ๆ ก็รับมานั่งคิดนอนคิดว่า หน่วยงานของตนจะช่วยให้ KPI ในระดับบริษัท บรรลุได้อย่างไร ขั้นตอนนี้จะทำเป็นขั้น ๆ ลงมาจนถึงตัวบุคคล หรือที่เรียกว่า cascade นั่นเอง
หากหน่วยงานใด นั่งเทียนเขียน KPI เอง โดยไม่ดูเป้าหมายหลักขององค์กร อาจเกิดปรากฎการณ์ที่หน่วยงาน ประสพความสำเร็จ ทำงานทะลุเป้า แต่องค์กรไม่ทะลุ หรืออาจจะได้ผลตรงข้ามก็เป็นได้ เช่น หน่วยงานอยากพัฒนาบุคลากรให้ได้ cert มันครบทุก ภาษา ( Java , Phython , Ruby ...) แต่องค์กรรับพัฒนาระบบด้วย Java อย่างเดียว cert. อื่น ๆ ก็ไม่มีผล แม้หน่วยงานจะบรรลุ แต่องค์กรไม่ได้รับผลประโยชน์ไปด้วย หรืออาจจะเป็นการสิ้นเปลืองด้วยซ้ำ
อีกทางนึงของที่มาของ KPI ก็คือสิ่งที่ฟ้าประทาน หรือโครงการที่นายสั่งมา ซึ่งบางที่ก็อาจจะแยกเอาไปวัดผลต่างหาก แต่ถ้าไม่โดนบังคับให้แยก หรือไม่เคยเอาไปวัดผลที่ไหน ก็นำมาใส่ไว้เป็น KPI น่าจะได้ประโยชน์ดี
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว การสร้าง KPI ของหน่วยงาน หรือของบุคคล ก็ไม่น่าจะยาก เพราะมี KPI ระดับสูงกว่า เป็นเป้าหมายหลักในการสร้าง KPI ที่นี้ก็ได้เวลาหาวัตถุดิบอีกเล็กน้อย มารวมกัน เพื่อทำให้ KPI เหมาะสม และ วัดได้จริง ติดไว้คราวหน้าละกันนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น